พระครูเนกขัมมาภิมณฑ์
(ดิษฐ์ ติสฺสโร) เป็นพระเกจิด้านไสยศาสตร์รูปหนึ่งของจังหวัดพัทลุง
เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พศ.๒๔๒๑ ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๔ ค่ำ
เดือน ๓ ปีฉลู เป็นบุตรนายแก้ว นางนุ้ย หนูแทน เกิดที่บ้านดอนตาสังข์
ต.ปรางหมู่ อ.เมือง พัทลุง ชีวิตในปฐมวัยไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนนัก
แต่สืบทราบว่าท่านเป็นศิษย์ของอาจารย์รอด วัดควนกรวด ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้าน
และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเมื่ออายุได้ ๒๐ ปีที่วัดปรางหมู่ใน
มีฉายาว่า ดิสฺสโร มีพระครูอินทโมฬีฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้จำพรรษาที่วัดควนกรวดประมาณ
๕ พรรษา จนถึงปี พศ.๒๔๔๖ ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากสระว่างลง ชาวบ้านได้นิมนต์ท่านมารับตำแหน่งสมภาร
และจำพรรษาที่วัดนี้ตลอดมา ปี พศ.๒๔๘๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูเนกขัมมาภิมณฑ์
เจ้าคณะตำบลไชยบุรี อ.เมือง พัทลุง จนกระทั่งถึงแก่มรณภาพที่วัดปากสระ
เมื่อวันที่ ๘ กันยายน พศ. ๒๕๐๗ อายุ ๘๖ ปี พรรษา ๖๖
หลวงพ่อดิษฐ์
เป็นพระที่มีอัธยาศัยดี มีเมตตากรุณา ใจคอเยือกเย็น ถือสันโดษไม่ชอบการสะสมทรัพย์สินสมบัติใดๆ
ชอบการอุปการะผู้อื่นโดยเฉพาะบุคคลยากไร้ ท่านจึงเป็นผู้ที่มีลูกศิษย์มากมาย
ทั้งที่ประกอบอาชีพส่วนตัวและเล่าเรียนสำเร็จออกไปรับราชการในหน้าที่การงานสูงจำนวนไม่น้อย
ลักษณะพิเศษของท่านคือมีนัยน์ตาคม บางคนเปรียบว่าตาของท่านเหมือนตางูก็มี
หลวงพ่อดิษฐ์ชอบการต่อเรือ ถือว่าเป็นงานช่างที่ต้องอาศัยความสามารถสูงอย่างหนึ่ง
เรือที่ท่านสร้างนั้นมีหลายลำสามารถออกทะเลแรมคืนไปต่างถิ่นได้ ส่วนเสนาสนะสงฆ์ท่านได้สร้างไว้หลายหลัง
ที่ปรากฏอยู่ปัจจุบันเช่น พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ สระน้ำ และสร้างอาคารเรียนโรงเรียนวัดปากสระ
ได้ใช้เป็นสถานศึกษาของเยาวชนสืบมาจากโรงเรียนขนาดเล็กนักเรียนไม่ถึง
๑๐๐ คน เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่มีนักเรียนประมาณ๔๐๐ กว่าคน งานด้านพัฒนาที่ปรากฏชัดคือ
การชักชวนชาวบ้านตัดตัดถนนจากวัดปากสระเชื่อมกับถนนสายพัทลุง-ควนขนุน
ช่วยให้การสัญจรไปมาสะดวกสบายไม่ต้องเดือดร้อน ช่วยให้การทำมาหากินของชาวบ้านสะดวกเพิ่มขึ้น
สมัยก่อนหมู่บ้านใกล้เคียงวัดปากสระเป็นแหล่งของบุคคลประพฤติมิชอบ
มีการลักทรัพย์สิน วัวควายของชาวบ้านอยู่เป็นประจำ หลวงพ่อดิษฐ์ได้ใช้ความรู้ความสามารถของท่านช่วยขจัดปัดเป่าให้ผ่อนคลายลง
กล่าวกันว่าท่านได้อาศัยวิทยาคมแก้ปัญหาของชาวบ้านสำเร็จลุล่วงมาด้วยดี
คาถาอาคมของหลวงพ่อดิษฐ์ได้มีการตีพิมพ์เผยแพร่ในวันฉลองอายุของท่านเองในปี
พศ. ๒๕๐๖ เรียกว่า คัมภีร์พระเวทย์ หรือพระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ ๑๐๘
พระคาถา มีความตอนหนึ่งท่านเขียนไว้ว่า ขอท่านจงใช้พระคาถาที่เห็นว่าดี
มีประโยชน์แก่ตนและผู้อื่น ไม่เป็นไปเพื่อการเบียดเบียนตนและผู้อื่น
คนชั่วอยู่กับผีคนดีอยู่กับพระ มีธรรมคุ้มครองและนำคาถาที่ท่านปรารถนาไปใช้ในทางที่จะเกิดผลแก่ตนและผู้อื่น
พระคาถานี้จะได้ผลสมประสงค์และศักดิ์สิทธ์จริง
หลวงพ่อดิษฐ์
ได้สร้างวัตถุมงคลไว้เป็นจำนวนมาก ได้แก่ พระสังกัจจายน์พิมพ์ใหญ่
พิมพ์เล็ก องค์พิมพ์ใหญ่มีพุทธลักษณะแบบขัดสมาธิเพชร ท้องพลุ้ย ปลายนิ้วชนกัน
ส่วนพระสังกัจจายน์พิมพ์เล็กมีอักขระที่อกเป็นตัว นะ เส้นนูน หัวกลับ
ด้านหลังมีอักขระเป็นตัว เฑาะว์สมาธิ และนอกจากนั้นยังมีพระปิดตา พิมพ์ใหญ่
พิมพ์เล็ก,พระกลีบบัวเนื้อโลหะ.แหวนพิรอด,ลูกอม,ปลอกแขน,ผ้ายันต์และเสื้อยันต์
ฯลฯ วัตถุมงคลของหลวงพ่อดิษฐ์ล้วนแต่เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ว่าเป็นยอดทางด้านมหาอุดอยู่ยงคงกระพัน
และมีเมตตามหานิยมแก่ผู้เป็นเจ้าของทั้งสิ้น เคยปรากฏเป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับความขลังของวัตถุมงคลของท่านหลายครั้ง
และที่สำคัญที่สุดคือวันที่ ๑๐ กันยายน พศ.๒๕๒๐พระภิกษุช่วง เขมธมฺโม
ผู้เป็นศิษย์ได้นำวัตถุมงคลจำนวนหนึ่งทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ในวโรกาสทรงเสด็จพระราชดำเนินยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง
พัทลุง
หลวงพ่อดิษฐ์
นับได้ว่าท่านเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาจิตใจชาวบ้าน โดยเฉพาะชุมชนใกล้วัดปากสระ
ให้ฝักใฝ่ด้านประพฤติปฏิบัติธรรม และขยายไปในท้องที่หลายตำบล นับเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสังคมให้อยู่เย็นเป็นสุข
ท่านเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยพรหมวิหาร ๔ จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านอย่างแท้จริง
ปรากฏหลักฐานพยานคือ รูปปั้นเท่าองค์จริง ประดิษฐานอยู่ในศาลาด้านทิศเหนือพระอุโบสถ
ทุกๆวันสำคัญจะมีชาวบ้านมาแก้บนที่รูปปั้นของท่าน ขอให้พ้นจากความเจ็บไข้ได้ป่วย
ขอความปลอดภัยและโชคลาภต่างๆ ปัจจุบันนี้มิใช่มีแต่เพียงเฉพาะในท้องถิ่นบ้านปากสระเท่านั้น
แต่มีชาวบ้านต่างถิ่นที่รู้เรื่องและศรัทธาต่างได้มาเคารพบูชาที่วัดนี้เป็นประจำเช่นกัน
อ้างอิง : จรัส
บัวขวัญ, สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้
เล่ม ๑๐
ขอขอบคุณ : คุณไก่ เมืองลุง
เอื้อเฟื้อข้อมูล
|